การแพ้อาหารคืออะไร? และอีกหลายเรื่องที่ต้องรู้
หาคำตอบ! การแพ้อาหารคืออะไร พร้อมวิธีป้องกัน
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม แต่แท้จริงแล้วอันตรายกว่าที่คิด สำหรับ “การแพ้อาหาร” ที่อาจจะเริ่มจากอาการแพ้อาหารแล้วผื่นขึ้น ไปจนถึงกรณีที่รุนแรงถึงขั้นป่วยหนัก หรือเสียชีวิตได้เลย ด้วยเหตุนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ตั้งแต่เนิ่น ๆ บทความนี้จึงจะมาอธิบายว่าการแพ้อาหารคืออะไร พร้อมแนะนำวิธีแก้อาการแพ้อาหาร และอีกหลายเรื่องที่ควรรู้แบบเข้าใจง่าย ติดตามได้เลย
การแพ้อาหารคืออะไร?
อธิบายแบบกระชับเข้าใจง่าย การแพ้อาหารคือปฏิกิริยาตอบสนองผิดปกติของร่างกายต่ออาหารบางประเภท เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสร้าง “ภูมิคุ้มกันชนิด IgE” ออกมาตอบสนองต่อโปรตีนในอาหารบางชนิด โดยเมื่อได้รับอาหารชนิดนั้นอีกครั้ง IgE จะจับกับโปรตีน กระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ หลั่งสารเคมี เช่น “ฮีสตามีน” ซึ่งมีหน้าที่หลักในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม แต่เมื่อหลั่งออกมาในปริมาณมากเกินไป ก็จะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดเป็นอาการแพ้อาหาร ที่มีตั้งแต่ผื่นขึ้น ไปจนถึงเสียชีวิต
ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุหลัก แต่เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ตัวอย่างเช่น
- พันธุกรรม: บุคคลที่มีประวัติครอบครัวเป็นภูมิแพ้ มีโอกาสแพ้อาหารมากกว่าคนทั่วไป รวมถึงยีนบางชนิดอาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้อาหาร
- สิ่งแวดล้อม: มลพิษทางอากาศ การติดเชื้อ และการใช้ยาบางชนิด อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้อาหาร รวมถึงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ตั้งแต่เด็ก เช่น ไรฝุ่น แมลง สัตว์เลี้ยง เกสรดอกไม้
- ปัจจัยทางภูมิคุ้มกัน: การทำงานที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสร้างสารต่อต้าน (Antibody) ชนิด IgE มากเกินไป เมื่อสัมผัสกับอาหารที่แพ้ ร่างกายจะหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) และสารเคมีอื่น ๆ
ประเภทของอาการแพ้อาหาร
อาการแพ้แบบเฉียบพลัน (Acute Allergic Reaction)
อาการแพ้แบบเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารที่แพ้ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- อาการทางผิวหนัง: ผื่นคัน ลมพิษ บวมตามใบหน้า ปาก ลิ้น หรือคอ
- อาการทางระบบทางเดินหายใจ: หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ไอ หอบหืด
- อาการทางระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย
- อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด: มึนงง หน้ามืด วูบหมดสติ
อาการแพ้แบบไม่เฉียบพลัน (Delayed Allergic Reaction)
ตรงกันข้ามกับแบบแรก เพราะอาการแพ้แบบไม่เฉียบพลันจะเริ่มรู้สึกได้หลังจากรับประทานอาหารที่แพ้ 2-48 ชั่วโมง และถึงแม้อาการจะไม่รุนแรงเท่าอาการแพ้แบบเฉียบพลัน แต่ก็ทำให้ยากต่อการจะระบุชนิดอาหารที่แพ้ โดยอาการที่พบบ่อยมีดังต่อไปนี้
- อาการทางผิวหนัง: ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ เรื้อรัง
- อาการทางระบบทางเดินอาหาร: ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ท้องเสียเรื้อรัง
- อาการทางระบบทางเดินหายใจ: น้ำมูกไหล ไอเรื้อรัง
- อาการอื่น ๆ: ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
ส่วนคำถามที่ว่า “อาการแพ้อาหารกี่วันหาย?” แน่นอนว่าไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะอาการแพ้อาหารที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นแบบเฉียบพลันหรือไม่เฉียบพลัน ต่างก็มีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยของแต่ละคน ดังนั้น ถ้าอาการแพ้ไม่มีแนวโน้มดีขึ้น ถึงแม้จะผ่านเวลามานาน แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร่งด่วน
ผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารควรปฏิบัติตัวดังนี้
ถึงแม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีแก้อาการแพ้อาหาร แบบรักษาหายขาด แต่ทุกคนก็สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการคอยสังเกตตัวเองว่า แพ้อาหารอะไรบ้าง และหลีกเลี่ยงให้ไกล โดยควรปฏิบัติตัวตามวิธีด้านล่างนี้
- พกยาแก้แพ้หรือยาแอดรินาลีนติดตัวไว้เสมอ: สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเตรียมตัวรับมือกับอาการแพ้ โดยผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารควรพกยาแก้แพ้ เช่น ยาแอดรินาลีน หรืออีพิเนฟรีน (Epinephrine) ติดตัวไว้เสมอ ยานี้สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ เช่น ลมพิษ คัน บวม หายใจลำบากได้
- อ่านฉลากอาหารอย่างละเอียดก่อนรับประทานทุกครั้ง: การอ่านฉลากอาหาร เป็นสิ่งที่ผู้แพ้อาหารต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยควรอ่านฉลากทุกครั้งก่อนรับประทาน ตรวจสอบส่วนผสมของอาหารอย่างละเอียด
- แจ้งผู้ที่ใกล้ชิดให้ทราบว่าแพ้อาหารชนิดใด: การแจ้งให้ผู้ที่ใกล้ชิดรู้ว่าเราแพ้อาหาร เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน พนักงานร้านอาหาร โดยเมื่อทราบข้อมูล ย่อมช่วยให้ผู้ใกล้ชิดเข้าใจและสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีในกรณีฉุกเฉิน
รู้แบบนี้แล้วก็อย่ามองข้ามการแพ้อาหาร และหากคุณคือหนึ่งคนที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าแพ้อาหารอะไรบ้าง สามารถมาเข้ารับการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงกว่า 232 ชนิดได้ที่ BDMS Wellness Clinic ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่มุ่งเน้นการดูแลป้องกัน และเสริมสร้างสุขภาพให้ผู้มารับบริการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ โดยการรวบรวมแพทย์ผู้มีความรู้ความชำนาญจากทั่วโลก และเทคโนโลยีในการปฏิบัติงานทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อพัฒนาให้เป็น “คลินิกสุขภาพด้านดูแลป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ” ของเอเชีย
สนใจนัดหมายแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพและวางแผนการรักษาได้เลย ที่เบอร์ 02-826-9999
หรือ LINE Official @bdmswellnessclinic