PM 2.5 | มลพิษไซซ์จิ๋ว ผลกระทบยิ่งใหญ่ ศัตรูตัวร้าย ทำลายสุขภาพดี

คลินิกสุขภาพเชิงป้องกัน และฟื้นฟู
คลินิกสุขภาพเชิงป้องกัน และฟื้นฟู
-
18 มี.ค. 2568
-
#

PM2.5: ตัวการสำคัญเบื้องหลังมะเร็ง 

จากข้อมูลการเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ระหว่างวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ และกรุงเทพมหานคร พบว่าค่าเฉลี่ย PM 2.5 อยู่ระหว่าง 4.8 - 218.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยมีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานจำนวน 64 จังหวัด และในจำนวนนี้ 44 จังหวัด อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ  

ฝุ่น PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (Particulate Matter, PM) ขนาดอนุภาคไม่เกิน 2.5 ไมครอน หากเปรียบเทียบกับขนาดของเส้นผม ฝุ่นพิษนี้มีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ถึง 20 - 28 เท่า และนั่นหมายถึงโอกาสที่จะเข้าสู่ร่างกายง่ายและรวดเร็วมากกว่าอนุภาคที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ ฝุ่น PM 2.5 ยังสามารถพบสารประกอบอนินทรีย์ (ซัลเฟต ไนเตรท แอมโมเนีย) สารประกอบอินทรีย์ โลหะหนัก (แคดเมียม ทองแดง สังกะสี) และสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic aromatic hydrocarbons, PAHs) รวมถึงสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย  

ฝุ่นพิษนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่อยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรามานานแล้ว โดยทั่วไปจะมีมากในช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดูกาล ทำให้อากาศถ่ายเทไม่ดี มีการสะสมของฝุ่นควันในอากาศ จนเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างที่เราเห็นนั่นเอง นอกจากเหตุผลด้านสภาพภูมิอากาศ กิจกรรมของมนุษย์ก็ส่งเสริมให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ได้เช่นกัน อนุภาคฝุ่นพิษนี้มักมาจากการปล่อยควันเสียของรถยนต์ การเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างไม้ถ่าน การเผาป่า การเผาหญ้า จากปฏิกิริยาของแก๊สบนชั้นบรรยากาศ จากโรงงานอุตสาหกรรมและกิจกรรมในครัวเรือน เช่น การสูบบุหรี่ การประกอบอาหาร (ทอด ผัด ปิ้ง ย่าง) การจุดธูปเทียน ตะเกียง การใช้เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น 

ปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ไม่เพียงแต่ระบบทางเดินหายใจเท่านั้น แต่รวมถึงระบบอื่นๆ ของร่างกายด้วย กลุ่มเปราะบางอย่างเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย เป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่นๆ  

อันตรายจากฝุ่น PM 2.5 ปริมาณ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบากศ์เมตร เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 1 มวน ข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ควันพิษที่ประชาชนในกรุงเทพฯ สูดดมเข้าไปนั้นเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ราว 1,225 มวนตลอดทั้งปี หรือเฉลี่ยวันละ 3.36 มวนเลยทีเดียว ซึ่งถือได้ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 เป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ลึกจนทะลุถุงลมปอด ผ่านเข้าสู่กระแสเลือด และส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ดังต่อไปนี้ 

กระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระและเกิดภาวะการอักเสบ 

ฝุ่น PM 2.5 สามารถกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ (Free radicals) นำมาซึ่งภาวะ oxidative stress และภาวะการอักเสบ ทำให้เกิดการทำลายรหัสพันธุกรรม, ยับยั้งการซ่อมแซมรหัสพันธุกรรม จนเกิดความผิดปกติต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือโรคมะเร็ง  

ทำให้เทโลเมียร์สั้นลง 

เทโลเมียร์ (Telomere) คือส่วนปลายสุดของโครโมโซม ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้รหัสพันธุกรรมถูกทำลายไปในระหว่างการแบ่งเซลล์ การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ส่งผลให้เทโลเมียร์หดสั้นลงด้วยอัตราเร็วมากกว่าปกติ รหัสพันธุกรรมจึงเกิดความเสียหายได้ และเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ  

เหนี่ยวนำให้เกิดโรคเรื้อรังตามมา 

การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 มีความสัมพันธ์กับความเสียหายของเซลล์ จนอาจเกิดภาวะภูมิแพ้ และโรคเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และร้ายแรงที่สุดคือ โรคมะเร็ง นอกจากนี้ ภายในฝุ่น PM 2.5 ประกอบด้วยสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งสำนักงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) จัดให้สารระเหยชนิดนี้เป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งสำหรับมนุษย์  

การศึกษาที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Environmental Health Perspective ปีพ.ศ.2557 แสดงให้เห็นความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งปอดเพิ่มมากขึ้นถึง 40% จากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก 26% ไม่เพียงแต่มะเร็งปอดเท่านั้น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Breast Cancer Research and Treatment ปีพ.ศ.2564 รายงานความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของก้อนมะเร็งเต้านมกับฝุ่น PM 2.5 โดยจะเพิ่มความเสี่ยงมากถึง 63% และวารสาร Cancer Causes & Control ปีพ.ศ.2561 รายงานความเสี่ยงมะเร็งตับที่เพิ่มขึ้นจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 26% 

 

การดูแลป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 

หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน เพื่อลดโอกาสการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 หรือสวมหน้ากากป้องกันตัวเอง หากมีความจำเป็นต้องไปในพื้นที่ที่มีฝุ่นจำนวนมาก 

เลือกใช้ขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยานพาหนะที่ใช้ระบบไฟฟ้า แทนการใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดฝุ่นควัน 

หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เพิ่มปริมาณฝุ่น เช่น การสูบบุหรี่ การจุดธูปเทียน ลดการปรุงประกอบอาหารประเภทปิ้ง ย่าง โดยเลือกเป็นการต้ม และนึ่งทดแทน 

จัดระเบียบที่พักอาศัย หมั่นทำความสะอาดและติดตั้งเครื่องกรองอากาศ  

ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ ดูแลอารมณ์ไม่ให้เกิดความเครียด รวมถึง ตรวจสุขภาพเป็นประจำและหากพบความผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที 

การแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อนำอากาศที่เราสามารถหายใจได้อย่างปลอดภัยกลับคืนมา ร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพของตัวเอง เพราะอากาศสะอาดเป็นรากฐานของสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน  

รายการอ้างอิง 

  • The California Air Resources Board. Inhalable Particulate Matter and Health (PM2.5 and PM10) [Internet]. 2017 Aug 6 [cited 2023 Feb 7]. Available from: https://ww2.arb.ca.gov/ 
  • resources/inhalable-particulate-matter-and-health 
  • กลุ่มเฝ้าระวังฝุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เรียนรู้ อยู่กับฝุ่น PM2.5 [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2562 [เข้าถึงเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2566]. เข้าถึงได้จาก https://www.chula.ac.th/wp-content/uploads/2019/10/Chula-PM25.pdf 
  • กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสรุปสถานการณ์และผลการดำเนินงาน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีหมอกควันและฝุ่นละออง ปี 2567 
  • Spring News. ช็อก! สถิติปี2565 คนกรุงสูดฝุ่น PM2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่ถึง 1,224 มวน [อินเทอร์เน็ต]. 27 มกราคม 2566 [เข้าถึงเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2566]. เข้าถึงได้จาก https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/834787 
  • Zhao B, Vo HQ, Johnston FH, Negishi K. Air pollution and telomere length: a systematic review of 12,058 subjects. Cardiovasc Diagn Ther. 2018;8(4):480-92. 
  • World Health Organisation. WHO global air quality guidelines: particulate matter (‎PM2.5 and PM10)‎, ozone, nitrogen dioxide, sulfur dioxide and carbon monoxide [Internet]. 2021 Sep 22 [cited 2023 Feb 8]. Available from: https://www.who.int/publications/i/item/9789240034228 
  • Hamra GB, Guha N, Cohen A, Laden F, Raaschou-Nielsen O, Samet JM, Vineis P, Forastiere F, Saldiva P, Yorifuji T, Loomis D. Outdoor particulate matter exposure and lung cancer: a systematic review and meta-analysis. Environmental health perspectives. 2014 Jun 6. 
  • Prada D, Baccarelli AA, Terry MB, Valdéz L, Cabrera P, Just A, Kloog I, Caro H, García-Cuellar C, Sánchez-Pérez Y, Cruz R. Long-term PM 2.5 exposure before diagnosis is associated with worse outcome in breast cancer. Breast cancer research and treatment. 2021 Jul;188:525-33. 
  • VoPham T, Bertrand KA, Tamimi RM, Laden F, Hart JE. Ambient PM 2.5 air pollution exposure and hepatocellular carcinoma incidence in the United States. Cancer Causes & Control. 2018 Jun;29:563-72. 
Share:

@2020 BDMS Wellness Clinic. All rights Reserved