จุดบุหรี่วันนี้ = จุดชนวนโรคร้ายในวันหน้า

คลินิกสุขภาพเชิงป้องกัน และฟื้นฟู
คลินิกสุขภาพเชิงป้องกัน และฟื้นฟู
-
31 พ.ค. 2568
-
#

“จุดบุหรี่ เผาชีวิต พิษร้ายสู่มะเร็ง”

ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก บุหรี่คร่าชีวิตของผู้คนทั่วโลกมากกว่า 8 ล้านคนต่อปี โดย 7 ล้านคนเป็นผู้สูบบุหรี่ แต่อีกราว 1.3 ล้านคน เป็นผู้ได้รับควันบุหรี่มือสอง หรืออาจกล่าวได้ว่า บุหรี่สามารถคร่าชีวิตผู้ที่สูบได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนในคนไทย ราว 10.6% ของผู้เสียชีวิตมีสาเหตุมาจากบุหรี่ แม้ว่าจำนวนผู้สูบบุหรี่จะมีแนวโน้มลดลง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ 88% ของผู้สูบบุหรี่ เริ่มต้นสูบครั้งแรกตั้งแต่อายุต่ำกว่า 18 ปี ในบางประเทศ เด็กและวัยรุ่นเริ่มสูบบุหรี่เร็วขึ้น โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอายุของผู้เริ่มต้นสูบมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ สำหรับประเทศไทย มีเด็กนักเรียนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากถึง 17.6% และ 37.3% เคยทดลองสูบด้วย

บุหรี่ประกอบไปด้วยสารเคมีมากกว่า 7,000 ชนิด และอย่างน้อย 250 ชนิดเป็นสารอันตราย ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายมากมาย เช่น เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระในร่างกาย ลดปริมาณการหมุนเวียนของสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการอักเสบในร่างกาย ลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังทำให้แผลหายช้า ระบบทางเดินหายใจและปอดทำงานผิดปกติ มวลกระดูกลดลง และเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่น โรคปริทันต์ (Periodontitis) โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) โรคหอบหืด (Asthma) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease, COPD) โรคเบาหวาน (Diabetes) และที่น่ากลัวที่สุดคือ โรคมะเร็ง (Cancer)

ความเสี่ยงโรคมะเร็งกับบุหรี่

หลายท่านอาจเข้าใจผิดว่า บุหรี่เพิ่มความเสี่ยงเฉพาะมะเร็งปอด แต่แท้จริงแล้ว บุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งมากกว่า 10 ชนิด เนื่องจากในบุหรี่มีสารก่อมะเร็งอย่างน้อย 60 ชนิด และในจำนวนนี้ มีหลักฐานชัดเจนว่าก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ ได้แก่ สารกลุ่ม polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs) สารกลุ่ม nitrosamines และ สารกลุ่ม aromatic amines ตัวอย่างสารที่พบบ่อยในกลุ่มเหล่านี้ ได้แก่

สาร benzo[a]pyrene (BaP) เป็นสารในกลุ่ม PAHs เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ระหว่างการสูบบุหรี่ และเป็นสารแรกที่ได้รับการระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง สารนี้ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ (Mutation) ของยีน TP53 ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่า ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด มะเร็งช่องปาก และมะเร็งปากมดลูก

สาร NNK (4-(methylnitrosamino)-1-(3-pyridyl)-1-butanone) และสาร NNN (N′-nitrosonornicotine) เป็นสารในกลุ่ม Nitrosamine ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าสามารถก่อมะเร็งปอด และมีหลักฐานงานวิจัยที่เชื่อมโยงกับมะเร็งโพรงจมูก มะเร็งช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งปากมดลูก 

สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับบุหรี่และโรคมะเร็งคือ แม้หยุดสูบบุหรี่แล้ว ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิดก็ยังคงสูงกว่าผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ ซึ่งสามารถเห็นได้จากตารางด้านล่าง

ชนิดของโรคมะเร็ง

ความเสี่ยงของผู้ที่กำลังสูบบุหรี่อยู่

ความเสี่ยงของผู้ที่เคยสูบบุหรี่

มะเร็งปอด

8.96

3.85

มะเร็งกล่องเสียง

6.98

-

มะเร็งหลอดคอ (Pharynx)

6.76

2.28

มะเร็งทางเดินอาหารส่วนบน

3.57

1.18

มะเร็งช่องปาก

3.43

-

มะเร็งทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง

2.77

1.72

มะเร็งหลอดอาหาร

2.50

-

มะเร็งโพรงจมูก

1.95

-

มะเร็งปากมดลูก

1.83

-

มะเร็งตับอ่อน

1.70

-

มะเร็งกระเพาะอาหาร

1.64

1.31

มะเร็งตับ

1.56

1.49

มะเร็งไต

1.52

1.25

นอกจากนี้ ความเสี่ยงของโรคมะเร็งยังขึ้นอยู่กับปริมาณบุหรี่ที่สูบ ตัวอย่างเช่น หากสูบบุหรี่ 1-9 มวนต่อวัน ผู้ชายจะมีความเสี่ยงมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 1.39 เท่า ส่วนผู้หญิงเพิ่มขึ้น 1.49 เท่า แต่หากเพิ่มเป็น 10-19 มวนต่อวัน ความเสี่ยงในผู้ชายจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.67 เท่า ส่วนผู้หญิงเพิ่มเป็น 3.30 เท่า และหากสูบตั้งแต่ 20 มวนขึ้นไป ผู้ชายจะเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 13.7 เท่า ส่วนผู้หญิงมากถึง 24.10 เท่า ดังนั้น ยิ่งเลิกบุหรี่เร็วเท่าไร ยิ่งดีต่อสุขภาพขึ้นเท่านั้น

ทำไมผู้คนจึงเริ่มสูบบุหรี่ และเลิกบุหรี่ได้ยาก

วัยรุ่นเป็นช่วงอายุที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งรอบข้างได้ง่าย ผู้คนส่วนใหญ่จึงเริ่มต้นสูบบุหรี่ตอนเป็นวัยรุ่น โดยมีสิ่งกระตุ้น เช่น พ่อแม่หรือพี่น้องที่สูบบุหรี่ การเห็นบุหรี่ในภาพยนตร์ เกม หรือสื่อโซเชียลต่าง ๆ รวมถึงการตลาดของบริษัทบุหรี่ที่กระตุ้นให้วัยรุ่นมีความต้องการที่จะสูบบุหรี่ และราคาอยู่ในช่วงที่สามารถซื้อได้ นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังมีหลายรสชาติ ทั้งรสผลไม้ รสที่เหมือนขนม ทำให้ง่ายต่อการเริ่มต้นสูบ อีกทั้งวัยรุ่นยังเข้าใจผิดว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีความอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป 

เมื่อเริ่มต้นสูบบุหรี่แล้ว จะเข้าสู่ช่วงติดบุหรี่ การจะเลิกบุหรี่นั้น จะทำให้มีเกิดอาการต่าง ๆ เช่น หงุดหงิด เหนื่อยล้า นอนหลับยาก หิวมากขึ้น วิตกกังวล เป็นต้น ทำให้การเลิกบุหรี่นั้นยากลำบากขึ้น และผู้ที่สูบบุหรี่ละความพยายามที่จะเลิกบุหรี่ และกลับไปสูบอีกครั้งได้

เนื่องในวันที่ 31 พฤษภาคม วันงดสูบบุหรี่โลกประจำปี 2568 ขอเชิญชวนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการหยุดยั้งการเริ่มต้นสูบบุหรี่ โดยรู้เท่าทันกลยุทธ์ทางการตลาดของอุตสาหกรรมบุหรี่ ภายใต้ธีม “Unmasking the Appeal: Exposing Industry Tactics on Tobacco and Nicotine Products” ลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน เพื่อให้ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นในสังคมที่ปราศจากควันบุหรี่

แหล่งอ้างอิง

  1. The Tobacco Atlas. Country Factsheets Thailand [Internet]. 2021 [cited 2025 Mar 24]. Available from: https://tobaccoatlas.org/factsheets/thailand/#:~:text=Adult%20smoking%20prevalence%20in%20Thailand%20is%2019%25.&text=Number%20of%20adult%20smokers%20in%20Thailand%20is%2011%2C091%2C733.&text=Youth%20smoking%20prevalence%20in%20Thailand%20is%207%25.&text=Adult%20smokeless%20tobacco%20use%20prevalence%20in%20Thailand%20is%202%25.

  2. World Health Organization. Tobacco [Internet]. World Health Organization. World Health Organization; 2023 [cited 2025 Mar 24]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/tobacco

  3. Bonnie RJ, Stratton K, Kwan LY, Committee on the Public Health Implications of Raising the Minimum Age for Purchasing Tobacco Products. The Effects of Tobacco Use on Health. Public Health Implications of Raising the Minimum Age of Legal Access to Tobacco Products. Washington (DC): National Academies Press (US); 2015 Jul 23.

  4. American Cancer Society. Why People Start Using Tobacco, and Why It’s Hard to Stop [Internet]. American Cancer Society; 2024 [cited 2025 Mar 24]. Available from: https://www.cancer.org/cancer/risk-prevention/tobacco/guide-quitting-smoking/why-people-start-using-tobacco.html

  5. U.S. Centers for Disease Control and Prevention (US), National Center for Chronic Disease Prevention and Health Promotion, Office on Smoking and Health. How Tobacco Smoke Causes Disease: The Biology and Behavioral Basis for Smoking-Attributable Disease: A Report of the Surgeon General. Atlanta (GA): U.S. Department of Health and Human Service; 2010.

  6. Hecht SS. Tobacco carcinogens, their biomarkers and tobacco-induced cancer. Nat Rev Cancer. 2003 Dec;3(10):733-44.

  7. Gandini S, Botteri E, Iodice S, Boniol M, Lowenfels AB, Maisonneuve P, et al. Tobacco smoking and cancer: A meta‐analysis. Int J Cancer. 2008 Jan;122(1):155-64.

Share:

Related Articles

@2020 BDMS Wellness Clinic. All rights Reserved