รู้ทันปัจจัยที่ทำให้แก่ก่อนวัย เอาชนะสัญญาณความร่วงโรย
5 พฤติกรรมที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย หยุดทำก่อนไปไกล
"ความชรา" เป็นกระบวนการธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทุกคน แต่ในปัจจุบันเริ่มพบว่าคนอายุน้อยกลับมีสัญญาณความชราทั้งในด้านผิวพรรณและระบบของร่างกายเร็วเกินกว่าวัยที่ควรจะเป็น นั่นเป็นเพราะสภาพแวดล้อม ตลอดจนการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป หากใครที่กำลังเจอกับปัญหาดังกล่าว ลองมาทำความเข้าใจจากมุมของเวชศาสตร์การชะลอวัยเพิ่มขึ้นอีกนิด เพื่อให้รู้เท่าทันถึงปัจจัยที่ทำให้แก่ก่อนวัย จะได้เฝ้าระวังอย่างทันท่วงที
ความชรา (Aging) คืออะไร?
ถ้ามองในมุมมองทั่ว ๆ ไป ความชราคือช่วงอายุหนึ่งนับตั้งแต่เราเกิดมาบนโลกใบนี้ ซึ่งร่างกายของเราจะมีการเจริญเติบโตของเซลล์ต่าง ๆ แต่ในทางเวชศาสตร์ชะลอวัยแล้ว ความชรา คือ ความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายเกิดความเจ็บป่วย และเสียชีวิตไปในที่สุด
เราจึงเห็นได้ว่า บางคนแม้ว่าอายุจะมากแล้ว แต่ยังดูเด็ก กระฉับกระเฉง และดูหนุ่มสาวมากกว่าคนที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน หรือคนที่อายุน้อยกว่าก็ตาม นั่นเป็นเพราะว่าเซลล์ในร่างกายของคนคนนั้น ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวกว่าอายุจริง และไม่เสื่อมโทรมมากเท่ากับคนอื่น ๆ
หน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากอะไรกันแน่?
หน้าแก่ก่อนวัย ไม่ใช่ปัญหาแค่เรื่องความสวยความงาม แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายที่พยายามศึกษาหาสาเหตุที่ทำให้เราแก่หรือเซลล์เกิดการเสื่อมก่อนวัย โดยสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
- อนุมูลอิสระ เป็นสารที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญอาหาร หายใจ ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของร่างกาย และยังเกิดจากการรับเอามลพิษและสารพิษต่าง ๆ เข้ามาในร่างกาย ซึ่งหากมีมากเกินไปจนร่างกายขาดความสมดุล ก็ทำให้เจ็บป่วยได้
- ภาวะน้ำตาลสะสม การกินขนมหวานที่มีส่วนประกอบของแป้งและน้ำตาลมากเกินไป ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยากับโปรตีน เกิดการเปลี่ยนสภาพ ทำให้เซลล์ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- การอักเสบเรื้อรัง ทำให้หลอดเลือดอักเสบ และเส้นเลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดและหัวใจต่าง ๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
- ภาวะพร่องฮอร์โมน เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะหยุดหรือลดการผลิตฮอร์โมนบางชนิด และทำให้เซลล์เสื่อมสภาพลงได้
5 พฤติกรรมที่ทำให้แก่ก่อนวัย
แน่นอนว่าคงจะไม่มีใครอยากจะแก่ก่อนวัย ดังนั้นเราควรศึกษาปัจจัยที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยว่าเกิดจากอะไร เพราะไม่ใช่แค่ทำให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ แต่ยังช่วยให้เราสุขภาพแข็งแรง และมีอายุที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพอีกด้วย โดยพฤติกรรมที่ทำให้แก่ก่อนวัย มี 5 ข้อดังต่อไปนี้
1. ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ลองเปรียบเทียบเพื่อนคนที่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่กับเพื่อนคนที่แทบจะไม่แตะสิ่งเหล่านี้เลย จะทำให้เห็นว่า แม้จะอายุเท่ากัน แต่ก็ดูวัยต่างกัน
ความร้ายกาจของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็คือ เมื่อเราดื่มเข้าไปแล้วจะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดการอักเสบและช่วยทำให้เซลล์ของเราไม่เสื่อมสภาพ ดังนั้น ยิ่งเราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ร่างกายของเราสะสมอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวแห้งกร้าน และเหี่ยวย่นมากขึ้นนั่นเอง
ส่วนในบุหรี่จะมีสารนิโคติน ที่ทำลายความยืดหยุ่นของผิว และยับยั้งการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย
2. กินของหวานเยอะ
ใครที่เป็นสายหวาน ชอบกินขนมเค้ก คุกกี้ ชานมไข่มุก ให้ระวังเอาไว้ให้ดี เพราะการกินน้ำตาลไม่ขัดสีในปริมาณมาก ๆ ก็ส่งผลให้เซลล์เสื่อมสภาพ และทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้เช่นเดียวกัน
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะน้ำตาลจะเข้าไปลดปริมาณของ Growth Hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เซลล์แข็งแรงและคงความอ่อนเยาว์ และยังเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างของคอลลาเจน ทำให้อีลาสตินน้อยลง ผิวจึงขาดความเต่งตึงและยืดหยุ่น ดูแก่กว่าวัย
3. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
“น้ำ” เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย เราควรจะดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน
การดื่มน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวัน ไม่ได้เพียงแค่ทำให้เราคอแห้ง กระหายน้ำเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ ที่สำคัญคือ การดื่มน้ำน้อยทำให้ร่างกายไม่สามารถขับของเสียได้ ทำให้ร่างกายหมองคล้ำ และเซลล์เสื่อมสภาพ เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย
4. ไม่ทาครีมกันแดด
ในแสงแดดมีรังสี UVA และ UVB ตัวการที่ทำลายความชุ่มชื้นและเซลล์ผิว ทำให้ผิวคล้ำเสีย แห้งกร้าน และดูหมองคล้ำ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังอีก เป็นสาเหตุที่ทำให้แก่ก่อนวัยอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งหลังจากทาครีมบำรุงผิวแล้ว เราควรจะทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง ๆ ทุกครั้ง เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และควรทาซ้ำ หากว่าต้องออกแดดอย่างต่อเนื่อง
5. นอนน้อย
รู้หรือไม่ว่า การอดนอนบ่อย ๆ ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้ เพราะในช่วงที่เรานอนหลับพักผ่อน ร่างกายของเราจะทำการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ที่โดนทำร้ายให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้งหนึ่ง
การอดนอนมีผลเสียหลายประการ อันดับแรกคือ ร่างกายจะกระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากขึ้น ทำให้ไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยยับยั้งการหดสั้นของเทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นปลายของสายดีเอ็นเอ ทำหน้าที่ช่วยปกป้องสายดีเอ็นเอไม่ให้ถูกทำลายมากไปก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ร่างกายจะเกิดการสร้างอนุมูลอิสระมากยิ่งขึ้น รวมถึงการที่ไม่ผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกาย
ชวนมารู้เท่าทันร่างกายของเรา ด้วยโปรแกรมตรวจเทโลเมียร์ (ตรวจอายุเซลล์) ที่ BDMS Wellnes Clinic บริการช่วยตรวจอายุและความเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย เฝ้าระวังภาวะความเสื่อมที่อาจมาเยือนโดยไม่รู้ตัว
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้เลยที่เบอร์ 02-826-9999
หรือ LINE Official @bdmswellnessclinic