ตอบข้อสงสัย ! ตรวจภายในจำเป็นไหม ต้องตรวจอะไรบ้าง ?

Prevention and Wellness Clinic
Prevention and Wellness Clinic
-
27 Sep 2024
-

ผู้หญิงกำลังปรึกษากับแพทย์ เรื่องการตรวจภายในต้องตรวจอะไรบ้าง

คุณผู้หญิงคงเคยได้ยินหลายคนบอกให้ไปตรวจภายใน ซึ่งฟังดูน่ากลัว จนทำให้เกิดความสงสัยว่าจำเป็นต้องตรวจจริงหรือไม่ หรือการตรวจภายในต้องตรวจอะไรบ้าง ดังนั้น เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจภายใน ซึ่งเป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้าย เราจะมาบอกให้รู้ว่าควรตรวจภายในเพื่ออะไร ต้องตรวจบ่อยแค่ไหน ไปทำความเข้าใจกันได้ที่นี่เลย

การตรวจภายในเพื่ออะไร ต้องตรวจอะไรบ้าง ?

การตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน เพื่อคัดกรองโรค และป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งจะตรวจปากมดลูก ช่องคลอด รวมถึงมดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ โดยจะดำเนินการตรวจ ดังนี้

  1. การตรวจดูความผิดปกติและคลำอวัยวะภายนอกและภายในอุ้งเชิงกราน โดยแพทย์จะตรวจดูและคลำอวัยวะเพื่อหาความผิดปกติที่อาจมองเห็นหรือสัมผัสได้
  2. การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มีวิธีการตรวจคัดกรองที่สำคัญ เช่น 
    - Pap Smear เป็นการเก็บเซลล์เยื่อบุปากมดลูก ออกมาตรวจหามะเร็งหรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็ง
    - HPV DNA Test เป็นเทคนิคการตรวจเชิงลึก เพื่อค้นหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสเอชพีวี ในระยะก่อนที่เซลล์จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก
  3. การตรวจวินิจฉัยอื่น ๆ โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น
    - การอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนล่าง เพื่อค้นหาความผิดปกติภายในมดลูกและรังไข่ และช่วยเช็กความเสี่ยงโรคร้ายต่าง ๆ เช่น ถุงน้ำรังไข่ เนื้องอกรังไข่ เนื้องอกในมดลูก เป็นต้น

ผู้หญิงควรตรวจภายในเมื่อไร ?

ผู้หญิงทุกคนควรได้รับการตรวจภายในเป็นประจำ โดยผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แนะนำให้เริ่มตรวจภายในเมื่ออายุ 30 หรือผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วสามารถตรวจได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดความผิดปกติ และยิ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยให้เร็วที่สุด หากมีอาหารเหล่านี้

  • ตกขาวผิดปกติ ตกขาวมีสีเหลือง เขียว หรือมีกลิ่นเหม็น
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน
  • คลำเจอก้อนที่ท้องน้อย
  • มีแผล ตุ่ม ก้อน บริเวณอวัยวะเพศ
  • มีเลือดออกผิดปกติบริเวณช่องคลอด และไม่ใช่ประจำเดือน 
  • มีเลือดออกบริเวณช่องคลอด หลังมีเพศสัมพันธ์
  • ท้องแน่น ท้องอืด ผิดปกติ
  • ปัสสาวะบ่อย หรือท้องผูกผิดปกติ
  • น้ำหนักลดลงผิดปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ

แพทย์กำลังถืออุปกรณ์ตรวจช่องคลอด

การตรวจภายในมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?

โดยทั่วไปการตรวจภายในจะมีขั้นตอนหลัก ๆ คือ

  1. ผู้เข้ารับการตรวจ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่คลินิกเตรียมไว้ให้
  2. ผู้เข้ารับการตรวจควรปัสสาวะและล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน
  3. เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย พยาบาลจะพาผู้เข้ารับการตรวจไปนอนบนเตียงที่มีขาหยั่ง
  4. แพทย์จะตรวจดูอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกว่ามีอาการบวม รอยแดง แผล หรือมีความผิดปกติหรือไม่
  5. แพทย์จะตรวจดูภายในช่องคลอด ด้วยเครื่องมือสำหรับตรวจช่องคลอด (Speculum) สอดเข้าไปบริเวณปากช่องคลอด เพื่อเปิดช่องคลอดให้ขยายขึ้น และเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกออกมา เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็ง หรือหารอยโรคต่าง ๆ ในห้องปฏิบัติการ
  6. แพทย์จะสวมถุงมือที่เคลือบสารหล่อลื่น และใช้นิ้วมือสอดเข้าไปทางช่องคลอด เพื่อคลำหาความผิดปกติภายใน ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
  7. ระหว่างดำเนินขั้นตอนดังกล่าว แพทย์จะคลำบริเวณหน้าท้อง เพื่อตรวจดูขนาดและตำแหน่งของมดลูก ตรวจดูก้อนเนื้อ การตอบสนองต่าง ๆ หรือสิ่งผิดปกติอื่น ๆ เพิ่มเติม

เมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้เรียบร้อย หากพบความผิดปกติแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษา หรือป้องกันไม่ให้ลุกลามกลายเป็นโรคร้ายแรงต่อไป

การเตรียมตัวก่อนตรวจภายใน

สำหรับการเตรียมตัวก่อนตรวจภายใน มีดังต่อไปนี้ 

  • ควรตรวจภายในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
  • ควรงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการตรวจภายใน
  • ควรทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย ก่อนเดินทางไปตรวจภายใน
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ถอดใส่ง่าย เพื่อความสะดวกในการตรวจ
  • หากมีคำถามหรือข้อสงสัย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการตรวจภายใน

ทั้งหมดนี้ คงทำให้เข้าใจกันมากขึ้นแล้วว่าตรวจภายในต้องตรวจอะไรบ้าง ? และสำหรับผู้หญิงที่ต้องการตรวจภายในและตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถมาปรึกษาแพทย์ได้ที่ BDMS Wellness Clinic พร้อมให้บริการโปรแกรมตรวจคัดกรองหลากหลายแผนที่เหมาะสมกับคุณ เพื่อให้คุณคลายทุกข้อกังวลและได้รับความพึงพอใจสูงสุด หากสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาได้ที่เบอร์ 02-826-9999 หรือ LINE Official @bdmswellnessclinic

Share:

@2020 BDMS Wellness Clinic. All rights Reserved