ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น จึงทำให้เกิด ”เทรนด์การดูแลสุขภาพ” ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารสุขภาพ อาหารคลีน การทำ IF (Intermittent Fasting) โดยเฉพาะการทานอาหารเสริมหรือวิตามินเสริม

การรับประทานวิตามินเสริม

เป็นการรับประทานเพื่อป้องกันร่างกายจากการขาดวิตามินและการเกิดโรคต่าง ๆ ซึ่งวิตามินที่รับประทานก็มักจะเป็นวิตามินรวม หรือวิตามินที่ส่งเสริมเฉพาะความต้องการ เช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี และอื่น ๆ​

แต่น้อยคนที่จะตรวจระดับวิตามินในเลือดก่อนที่จะเสริมวิตามิน เพราะเข้าใจว่าไม่เป็นไร แต่หากรับประทานวิตามินโดยที่ไม่ได้รับการตรวจก่อน วิตามินที่รับประทานไปนั้น อาจไม่ตรงกับความต้องการของร่างกายและเกิดผลเสียบางอย่าง เช่น

• วิตามินหรือสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดที่ละลายในไขมัน สามารถสะสมในร่างกายได้ และหากสะสมมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอันตรายได้​
• การรับประทานวิตามินชนิดรวมในหนึ่งเม็ด อาจไม่ตอบโจทย์กับปริมาณที่ร่างกายต้องการ และอาจเพิ่มปริมาณวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิดที่ร่างกายมีเพียงพออยู่แล้ว กลายเป็นมากเกินไป และอย่าลืมว่าร่างกายของคนเรามีความแตกต่างกัน ทำให้ความต้องการวิตามินและแร่ธาตุเพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรงนั้นก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย​
• ในกรณีผู้ที่มีความเสื่อมของระบบการขับของเสีย เช่น ตับ และไต ไม่ว่าจะเป็นตามวัย หรือเกิดจากการทานยาเป็นเวลานาน การทานวิตามินเสริมโดยไม่ปรึกษาแพทย์อาจทำให้ระบบการขับของเสียทำงานหนักขึ้น​

ดังนั้นหากได้ตรวจดูพื้นฐานความต้องการของร่างกายต่อวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ก่อนตัดสินใจทานวิตามินเสริมอาหาร หรือเพื่อทำวิตามินเฉพาะบุคคล (Customized Supplement) ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อที่จะได้รับวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระด้วยปริมาณที่เหมาะสม ตรงตามความต้องการโดยการอ้างอิงจากผลเลือด ซึ่งตรวจวัดจากเครื่องมือที่มีความแม่นยำและผ่านการรับรองทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ในการประเมินภาวะโภชนาการได้​