ภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ภัยเงียบในผู้สูงอายุ
ร่างกายของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อ ไขมัน และกระดูกตลอดเวลา เมื่อเราอายุมากขึ้นมีการเคลื่อนไหวน้อยลง ร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ รวมถึงความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าหลังอายุ 30 คนที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายมีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อประมาณ 3 - 5% ในทุก ๆ 10 ปี และอาจสูญเสียกล้ามเนื้อได้สูงถึง 30% ตลอดช่วงชีวิต
นอกจากนั้นแล้ว ร่างกายจะเกิดการสะสมของไขมันตามส่วนต่าง ๆ โดยแทรกอยู่ตามกล้ามเนื้อและอวัยวะ และหากผู้สูงอายุรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมาก จะทำให้ไขมันเกิดการสะสมบริเวณช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
ภาวะที่ร่างกายมีไขมันมากเกินไปร่วมกับมีมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้้อน้อย เรียกว่า ‘Sarcopenic Obesity’ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในผู้สูงอายุ ส่งผลให้รู้สึกอ่อนแรง เคลื่อนไหวร่างกายลำบาก ผู้สูงอายุที่้มีภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเสี่ยงต่อการหกล้มสูงมากกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีมวลกล้ามเนื้อปกติ เราทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับปัญหานี้ เพราะอาจนำไปสู่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ รู้ทันความเสี่ยงภาวะ Sarcopenic Obesity การตรวจวัดมวลไขมันและกล้ามเนื้อ การคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) จากน้ำหนักและส่วนสูงเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ไม่พบปัญหา จำเป็นต้องตรวจวัดองค์ประกอบร่างกาย ด้วยเครื่อง Dual-Energy X-ray Absorptiometry หรือ DEXA ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่แม่นยำที่สุด ที่ทำให้เราทราบถึงปริมาณและสัดส่วนของมวลกล้ามเนื้อ มวลไขมัน และมวลกระดูกในร่างกาย
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะ Sarcopenic Obesity
1. ภาวะโภชนาการไม่เหมาะสม
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักรับประทานโปรตีนไม่เพียงพอ จากภาวะเบื่ออาหารหรือปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟัน ก่อให้เกิดการสลายของมวลกล้ามเนื้อ รวมถึงร่างกายของผู้สูงอายุมีการเผาผลาญพลังงานลดลง ทำให้ง่ายต่อการได้รับพลังงานส่วนเกิน และเกิดการสะสมของไขมัน โดยผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคไตเรื้อรัง ควรบริโภคโปรตีนประมาณ 1-1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน จากแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา เต้าหู้ ธัญพืช และถั่วต่าง ๆ
2. ขาดการออกกำลังกาย
ต้องยอมรับว่าผู้สูงอายุมักขาดการออกกำลังกาย อาจเพราะเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก หรือกลัวหกล้ม ยิ่งทำให้เกิดการสะสมไขมันและสูญเสียมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น ดังนั้นผู้สูงอายุควรออกกำลังกายแบบบริหารหัวใจง่าย ๆ เช่น การเดินเร็ว แกว่งแขน ย่ำเท้าอยู่กับที่ เพื่อให้ร่างกายเกิดการใช้ไขมันส่วนเกิน และออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน เช่น ยกน้ำหนักเบา ๆ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
การลดน้ำหนักในผู้สูงอายุโดยรักษามวลกล้ามเนื้อ ด้วยการปรับการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 90 นาทีต่อครั้ง พบว่าได้ผลดี ช่วยให้น้ำหนักของผู้สูงอายุลดลง 5% ลดการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน และลดไขมันที่แทรกอยู่ในกล้ามเนื้อ โดยที่มวลกล้ามเนื้อลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ภาวะอ้วนร่วมกับมวลกล้ามเนื้อน้อย เป็นปัญหาที่เป็นภัยเงียบที่อันตราย ผู้สูงอายุจึงควรเข้ารับการตรวจวัดองค์ประกอบร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอและให้ความสำคัญเรื่องโภชนาการที่ดี เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่จะตามมาได้
แหล่งที่มา:
1. Landi F, Liperoti R, Russo A, Giovannini S, Tosato M, Capoluongo E, et al. Sarcopenia as a risk factor for falls in elderly individuals: results from the ilSIRENTE study. Clin Nutr. 2012 Oct;31(5):652-8.
2. Zamboni, M., Mazzali, G., Fantin, F., Rossi, A., & Di Francesco, V. (2008). Sarcopenic obesity: a new category of obesity in the elderly. Nutrition, Metabolism and Cardiovascular Diseases, 18(5), 388-395.
3. Zamboni G, Benati C, Bambara V, Negri M, Bosello O, Zamboni M, et al. Interrelations between fat distribution, muscle lipid content, adipocytokines, and insulin resistance: effect of moderate weight loss in older women. Am J Clin Nutr. 2006 Nov;84(5):1193-9.