ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep)

คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก และส่งเสริมสุขภาพสตรี คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก และส่งเสริมสุขภาพสตรี

ปัจจุบันโรคมะเร็งปากมดลูกมีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็งเต้านม และยังมีอัตราการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยถึง 7 คนต่อวัน โรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า HPV (Human Papilloma Virus; HPV) เป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ปากมดลูกอักเสบเรื้อรังและเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ และร้ายแรงกว่านั้นคือการที่เราได้รับเชื้อโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือเมื่อรู้ก็อาจสายเกินไปที่จะรักษา​ ส่งผลให้การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep) + รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV คือคำตอบสำหรับผู้หญิงทุก ๆ คน

 

อาการแบบไหนที่ควรตรวจภายในและมะเร็งปากมดลูก

  • ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็ง​
  • ผู้หญิงที่เว้นว่างจากการตรวจมาระยะหนึ่งแล้ว​
  • ผู้ที่รับประทานฮอร์โมนเพศหญิงหรือยาคุมกำเนิดระยะเวลานาน​
  • ผู้หญิงที่ควรได้รับการตรวจครั้งแรก หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกประมาณ 3 ปี​
  • ผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป​
  • มีประจำเดือนมาก่อนอายุ 12 ปี หรือหมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี​
  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน​
  • ผู้หญิงทั่วไปที่เคยมีเพศสัมพันธ์​
  • ผู้ที่มีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์​
  • ผู้หญิงที่มีอาการตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติ​
  • ปวดท้องน้อยบ่อย ท้องผูก ท้องอืด แน่นท้องเป็นประจำ

 

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบ ThinPrep กับ Pap Smear ต่างกันอย่างไร

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีอยู่ 2 แบบคือการตรวจ ThinPrep และ Pap Smear ส่วนจะมีวิธีตรวจยังไงและมีความแตกต่างที่ตรงไหน นี่คือคำตอบ

  • การตรวจ Pap Smear แพทย์จะเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกโดยใช้ไม้พายขนาดเล็ก เซลล์ที่เก็บได้จะถูกนำไปตรวจทางเซลล์วิทยาเพื่อหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก 
  • การตรวจ ThinPrep แพทย์จะใช้แปรงขนาดเล็กเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูก จากนั้นจะนำเซลล์ที่เก็บได้ใส่ลงในขวดเก็บตัวอย่างที่มีน้ำยา ThinPrep น้ำยานี้จะทำหน้าที่แยกเซลล์ออกจากสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ และทำให้เซลล์มีความหนาแน่นมากขึ้น ก่อนจะถูกนำไปตรวจทางเซลล์วิทยา ซึ่งใช้เวลาแปลผลสั้นและแม่นยำกว่า

ซึ่งทาง BDMS Wellness Clinic ก็ได้ใช้โปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบ Thin Prep เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดเวลาในการแปลผลให้สั้นลง พร้อมลดความเสี่ยงจากการแสดงผลที่ผิดพลาดนั่นเอง

 

โปรแกรมแนะนำตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

  1. ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep) ​พร้อมกับ ตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด (TVS) เพื่อตรวจเช็กความผิดปกติของมดลูกและรังไข่
  2. ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep) ​พร้อม ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส (HPV Vaccine)

 

วัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV มีจำนวน 3 ชนิด ได้แก่

  • วัคซีน Cervarix (2 สายพันธุ์) ป้องกันเชื้อไวรัส HPV ครอบคลุมสายพันธุ์ 16 และ 18
  • วัคซีน Gardasil (4 สายพันธุ์) ป้องกันเชื้อไวรัส HPV ครอบคลุมสายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18 และป้องกันโรคหูดหงอนไก่จากสายพันธุ์ 6 และ 11
  • วัคซีน Gardasil (9 สายพันธุ์ ) ป้องกันเชื้อไวรัส HPV ครอบคลุมสายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 และป้องกันโรคหูดหงอนไก่จากสายพันธุ์ 6 และ 11

 

ข้อดีของ HPV Vaccine

  • สามารถฉีดร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้
  • มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัส HPV
  • มีผลข้างเคียงน้อย บางท่านอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แต่หายได้เอง
  • สามารถป้องกันไวรัส HPV ได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย

 

การฉีดวัคซีนที่ถูกต้อง​

การฉีดวัคซีน HPV ต้องฉีดให้ครบถ้วนทั้งหมด 3 ครั้ง *แต่ในเด็กผู้หญิง หากฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี สามารถฉีดวัคซีนเพียง 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน​

  • ครั้งที่ 1 : ฉีดในวันที่กำหนดเลือก​
  • ครั้งที่ 2 : ฉีดหลังจากเข็มแรก 1-2 เดือน​
  • ครั้งที่ 3 : ฉีดหลังจากเข็มที่สอง 6 เดือน​​

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค

 

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี ThinPrep และ HPV DNA Cobas Test (สายพันธุ์ 16 และ 18)​

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep) + HPV DNA Cobas Test คือแนวทางการคัดกรองที่ยกระดับประสิทธิภาพความแม่นยำให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังสามารถตรวจพบการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้ดีกว่าการตรวจ ThinPrep เพียงอย่างเดียว 

โดยในการตรวจ HPV DNA เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ถึง 90% ซึ่งมีสาเหตุจากการติดเชื้อ HPV Virus ในขณะที่การตรวจ ThinPrep เป็นการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ ที่อาจเปลี่ยนเป็นมะเร็งในอนาคต ดังนั้นการตรวจทั้ง 2 วิธีร่วมกัน จะช่วยให้มีโอกาสตรวจพบเชื้อมะเร็งในระยะเริ่มต้นได้เร็วขึ้น และแม่นยำมากขึ้น​

ควรตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกตอนอายุเท่าไหร่ บ่อยแค่ไหน?​

โดยทั่วไปคุณผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่ออายุ 30 ปี หรืออาจเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี ตามความเหมาะสม และควรตรวจคัดกรองทุก ๆ ปี

อย่างไรก็ตาม ความถี่ในการตรวจคัดกรองอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลและตามการวินิจฉัยของสูตินรีแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่ตรวจไม่พบ HPV Virus ดังนั้นการพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของคุณผู้หญิงจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันการเกิดโรค​

 

รู้ก่อน อุ่นใจกว่า! กับโปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ที่ BDMS Wellness Clinic

ตรวจไว้ อุ่นใจก่อนกับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ BDMS Wellness Clinic พร้อมโปรแกรมตรวจคัดกรองที่มีให้เลือกหลากหลายแผนตามความเหมาะสม รวมถึงการรับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV เพื่อเพิ่มเกราะป้องกันโรคร้ายในระยะยาว สนใจสอบถามรายละเอียดโปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep) + HPV DNA Cobas Test ราคาพิเศษได้ที่

โทร. 02 826 9999

  

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทำการนัดหมาย

โทร: 028269971​

Line: @womenandfertility หรือ https://lin.ee/kna2NJA


Share:

@2020 BDMS Wellness Clinic. All rights Reserved