กินอาหารไม่มีประโยชน์เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่าสูบบุหรี่
จากการศึกษาข้อมูลประชากรทั่วโลก พบว่าสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในปัจจุบัน ได้แก่ โรคที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตประชากรโลกถึงปีละ 11 ล้านคน นอกจากนั้นพวกเรายังไม่ได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพียงพอ เช่น ธัญพืช ถั่ว เมล็ดพืช ผักและผลไม้ ในขณะเดียวกันเราก็นิยมเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล บริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูงและเนื้อสัตว์แปรรูปมากเกินไป
จากการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ในเดอะแลนซิต นักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลอาหารของผู้คนใน 195 ประเทศ ร่วมกับข้อมูลยอดขายและค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แล้วทำการประเมินผลกระทบของอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพต่อความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ มะเร็งบางชนิด และเบาหวาน (พวกเขายังได้คำนวณจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในระดับโลก เช่น การสูบบุหรี่ และการใช้ยา) จากการศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของการเสียชีวิตในประเทศส่วนใหญ่ของโลกเลยทีเดียว
Ashkan Afshin ผู้เขียนงานวิจัยจากสถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ (Institute for Health Metrics and Evaluation) จาก University of Washington ยังกล่าวด้วยว่าการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าการสูบบุหรี่หรือโรคความดันโลหิตสูงเสียอีก
ประเทศที่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ดีที่สุด ได้แก่ อิสราเอล ฝรั่งเศส สเปน และญี่ปุ่น โดยเป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการป่วยของประชากรที่เกิดจากโรคที่สัมพันธ์กับอาหารน้อยที่สุด สหรัฐอเมริกาอยู่ลำดับที่ 43 และจีนอยู่ลำดับที่ 140 แต่มีข้อสังเกตว่าข้อมูลเรื่องอาหารหลักในบางประเทศยังมีช่องว่างอยู่ ผลการประเมินบางอย่างจึงอาจคาดเคลื่อน
Afshin ยังกล่าวอีกว่า โดยทั่วไปประเทศที่มีอาหารใกล้เคียงกับอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเน้นการรับประทานผัก ผลไม้ ถั่ว และน้ำมันดี (เช่น น้ำมันมะกอก และกรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลา) เป็นหลัก จะมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคที่สัมพันธ์กับอาหารต่ำมากที่สุด นอกจากนั้นการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนยังสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและความจำเสื่อมได้อีกด้วย
ผู้เขียนได้ถาม Afshin ว่าประเทศในอันดับใดที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ Afshin ตอบว่า เม็กซิโกเป็นประเทศที่น่าสนใจ เพราะเป็นประเทศในลำดับที่ 57 ประชากรเม็กซิโกนิยมบริโภคเมล็ดข้าวโพดตอร์ตียากันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีอัตราการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงสุดเช่นกัน จึงยากที่จะระบุได้ว่าประโยชน์ของธัญพืชอาจส่งผลต่อความเสี่ยงจากการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป แต่ Afshin กล่าวว่าเรื่องนี้ยิ่งช่วยตอกย้ำปัญหาที่พบในหลายประเทศ โดยปรับปรุงรูปแบบการบริโภคอาหารโดยรวมให้ดีขึ้น
อุปสรรคของการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คือ การเข้าถึงอาหารสุขภาพ และการมีเงินเพียงพอที่จะซื้ออาหารสุขภาพได้นั่นเอง ตามที่คณะบริหารของทรัมป์และฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ถกเถียงกันว่า คนปกติที่ไม่ได้ทำงานก็ควรมีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือด้านอาหาร ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผู้คนมากมายทั่วโลกต่างดิ้นรนเพื่อหาซื้ออาหารเพื่อสุขภาพ
ในขณะที่ประชากร 800 ล้านคนทั่วโลกกำลังอดอยากและได้รับอาหารไม่เพียงพอ ประชากรอีก 1.9 พันล้านคนกำลังมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน ซึ่งทั้งภาวะอดอาหารและภาวะน้ำหนักเกินนับเป็นภาวะทุพโภชนาการ โดยก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอน พิจารณาจากรายงานล่าสุดจากศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศ (Center for Strategic and International Studies) ระบุว่า: "ภาวะทุพโภชนาการทั่วโลกตีเป็นมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี สำหรับโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อที่สัมพันธ์กับโรคอ้วน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะบวกเพิ่มอีก 2 ล้านล้านดอลลาร์"
รายงานฉบับนี้อาจเป็นเครื่องเตือนใจว่า เมื่อกล่าวถึงการหยุดยั้งภาวะอดอยากและการปรับปรุงสุขภาพ ผู้คนไม่ได้ต้องการแค่อาหาร แต่พวกเขาต้องการสารอาหารที่ดีด้วย หากคุณกินพวกขนมที่ทำจากคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีและน้ำหวานๆ คุณอาจได้รับแคลอรี่ที่ต้องการ แต่แคลอรี่เหล่านั้นก็จะนำคุณไปสู่โรคต่างๆ ด้วยเช่นกัน
หากทุกคนบนโลกเริ่มต้นรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยการเติมผักผลไม้และธัญพืชในสัดส่วน ¾ ลงในจานแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผักผลไม้ก็จะหมดเกลี้ยง ตรงกับผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS One โดยนักวิจัยจาก University of Guelph ที่พบว่าผักผลไม้ที่กระจายออกไปสู่ผู้บริโภคนั้นมีไม่เพียงพอ
Evan Fraser ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร Arrell จาก University of Guelph กล่าวว่า ระบบเกษตรกรรมโลกในปัจจุบันไม่สามารถผลิตอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้มีปริมาณเพียงพอสำหรับทุกคน เราผลิตไขมัน น้ำตาล และผลิตภัณฑ์จากแป้งมากเกินไป บริษัทอาหารและเกษตรกรถือว่ามีส่วนในเรื่องนี้ ดังนั้นอาหารที่เราควรรับประทานกับอาหารที่ผลิตออกมาจึงมีความไม่สัมพันธ์กันอยู่
นี่อาจเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนงานวิจัยใหม่ของเดอะแลนซิตระบุว่า ผลการวิจัยชี้ไปที่ความจำเป็นในความพยายามร่วมมือกันในระดับโลก การปรับปรุงเรื่องอาหารคงไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจำเป็นต้องใช้ความคิดริเริ่มหลายๆ อย่าง รวมถึงการให้ความรู้ด้านโภชนาการ เพิ่มการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพ และทบทวนกระบวนการผลิตทางการเกษตร
ด้วยความปรารถนาดี จาก BDMS Wellness Clinic
โทร: 028269999
LINE: @bdmswellnessclinic