เหงือกดำทำอย่างไรดี

Dental Wellness Clinic
Dental Wellness Clinic
-
24 Apr 2024
-

 

โดยธรรมชาติแล้วเหงือกสุขภาพดีจะมีสีชมพูซีด มีลักษณะแน่นแข็ง แต่ภาวะเหงือกดำคือการมีสีของเหงือกที่เข้มหรือคล้ำขึ้นมากกว่าปกติ การที่เหงือกมีสีที่เข้มขึ้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เกิดจากสภาวะตามธรรมชาติ เช่น การมีเม็ดสีเมลานินที่มากกว่าปกติ เช่นเดียวกับที่สีผิวของแต่ละบุคคลที่มีความแตกต่างกันตามเชื้อชาติจะเข้มอ่อนแตกต่างกัน ลักษณะเช่นนี้ไม่ได้จัดว่าเป็นโรค แต่หากเป็นเพียงแค่ความหลากหลายทางพันธุกรรมและชาติพันธุ์เท่านั้น 

อย่างไรก็ดี อาจมีปัจจัยอื่นที่ทำให้สีของเหงือกคล้ำกว่าปกติซึ่งไม่ใช่ลักษณะตามธรรมชาติ เช่น 

  • การสูบบุหรี่ (Smoker’s Melanosis) 
  • โรคต่อมไร้ท่อบางประเภท เช่น Addison’s Disease, Acromegaly
  • ยาบางกลุ่ม และโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว บิสมัท ปรอท เงิน 
  • รอยโรคเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก มะเร็งในช่องปาก 
  • การสักในช่องปากโดยตัวผู้ป่วยเอง 

การมีสีเหงือกที่เข้มขึ้นนี้เป็นไปตามเชื้อชาติของมนุษย์แต่ละคน รวมถึงอายุที่เพิ่มขึ้นมักพบสีที่เข้มขึ้นตามไปด้วย และยังพบได้อีกว่าเพศไม่มีผลต่อความเข้มของสีเหงือกแต่อย่างใด

ปัญหาเหงือกดำแก้ไขได้หรือไม่?

“แก้ไขได้” แก้ไขเหงือกดำคล้ำสามารถทำได้หลากหลายวิธี ในสมัยก่อนมักใช้การผ่าตัดเหงือกเพื่อกำจัดสีที่เข้มออกไป หรืออาจเป็นการใช้สารเคมีเพื่อมากัดเยื่อบุผิวเหงือกออกบางส่วน เช่น การใช้แอลกอฮอล์ หรือกรดแอสคอบิก เป็นต้น แต่วิธีดังกล่าวพบว่า หลังการรักษาผู้ป่วยอาจจะเกิดความเจ็บปวด เลือดออกหลังผ่าตัดค่อนข้างมากและไม่สบายบริเวณแผลเท่าใดนัก และมักเกิดสีเหงือกที่เข้มกลับคืนมาได้อีก รวมถึงสารเคมีที่ใช้อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้ หรือมีผลข้างเคียงหลังการรักษาที่ค่อนข้างมาก จึงทำให้เกิดการพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ เช่น การใช้เข็มกรอฟันกรอที่ผิวเหงือก (Gingival Abrasion) การใช้ความร้อนจี้ (Electrocautery) การใช้ความเย็นจี้ (Cryosurgery) หรือการใช้เลเซอร์ (Laser) เป็นต้น

 

ปัจจุบันการใช้เลเซอร์เพื่อรักษาภาวะเหงือกดำเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับมากที่สุด เลเซอร์ที่ใช้มีทั้งแบบ Carbon Dioxide Laser, Diode Laser, Nd:YAG, Er:YAG and Er,Cr:YSGG Lasers ข้อดีที่เด่นชัดของเลเซอร์ คือ มีคุณสมบัติของการห้ามเลือดไปในตัว และในระหว่างทำการรักษาทันตแพทย์เองสามารถมองเห็นได้ง่ายและชัดเจนว่าได้ทำการกำจัดเม็ดสีเมลานินหมดแล้วหรือไม่ รวมถึงอาการข้างเคียงหลังการรักษา เช่น ความเจ็บปวด เลือดออก การบวม หรือการติดเชื้ออยู่ในระดับที่ต่ำมาก

กระบวนการกำจัดเม็ดสีเมลานินด้วยเลเซอร์โดยทั่วไปนั้นมีความเจ็บระหว่างการทำน้อยมาก โดยอาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึกคันหรือไม่สบายเหงือกเท่านั้น ทั้งนี้ผู้ป่วยอาจจะได้รับการทายาชาเฉพาะที่บริเวณเหงือกตำแหน่งที่มีสีเข้ม หรือ อาจใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่ ณ ตำแหน่งนั้นก่อนทำเลเซอร์ ในกระบวนการรักษาจะใช้เวลาสั้น ไม่เกิน 10-15 นาที หลังทำทันตแพทย์อาจจ่ายยาบรรเทาอาการปวดให้เนื่องจากอาจเกิดความไม่สบายบริเวณแผลบ้าง หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีรสจัดหรือร้อนจัด งดการแปรงฟันในตำแหน่งที่ทำประมาณ 5 วันซึ่งระหว่างนั้นจะใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อฆ่าเชื้อโรค ส่วนในตำแหน่งอื่นสามารถแปรงและใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดซอกฟันได้ตามปกติ หลังการรักษาจะพบเนื้อเยื่อสีขาวฝ้าปกคลุมเหงือกซึ่งเป็นลักษณะที่ปกติ ผู้ป่วยไม่ควรไปรบกวนแผลหรือพยายามกำจัดเนื้อเยื่อขาวออก หลังการรักษาจะเริ่มเห็นผลการรักษาหลัง 7 วันหรือ 1 สัปดาห์ไปแล้ว

ผลแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ หากใช้ชนิดของเลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงมีการตั้งค่าเครื่องไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการทำลายของเนื้อเยื่อเหงือกมากเกินไป อาจจะเกิดเหงือกร่น และอาจเกิดภาวะกระดูกโผล่ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวดมากกว่าความจำเป็น

หลังการกำจัดเม็ดสีเมลานินด้วยเลเซอร์ไปแล้ว อาจจะเกิดสีเหงือกที่เข้มขึ้นมาใหม่ได้ง่ายในบางเชื้อชาติที่มีสีผิวเข้มหรือโดยเฉพาะในเคสที่มีเหงือกที่สีเข้มมากก่อนรักษา รวมถึงพฤติกรรมที่ทำให้สีเหงือกเข้มขึ้นไว เช่น การสูบบุหรี่ การมีสีเหงือกเข้มซ้ำอาจจะพบได้ 6 เดือนหลังการรักษา แต่ความเข้มจะลดน้อยลงกว่าก่อนการรักษาครั้งแรกมาก

บทความโดย ทันตแพทย์ปภาตพงศ์ ศิริคุรุรัฒน์  ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านปริทันตวิทยา   BDMS Wellness Clinic


เลเซอร์เหงือกชมพู Laser Gum Depigmentation

ราคา 15,000 บาท

https://bdmswellness.co/4dcMPWb


 

Share:

@2020 BDMS Wellness Clinic. All rights Reserved