รู้จักการฝากไข่ (Egg Freezing) ตัวช่วยวางแผนการมีบุตร !
เข้าใจการฝากไข่คืออะไร เคล็ดลับสู่การตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์
หากคุณเป็นหนึ่งในคู่สมรสที่กำลังวางแผนอนาคตอย่างจริงจัง และพบว่าภาพที่จะเกิดขึ้นนั้นมี "ลูก" อยู่ด้วยในช่วงที่คุณมีความพร้อม ทั้งหน้าที่การงาน การเงิน และความคล่องตัว หากเป็นเช่นนั้นลองมาทำความรู้จักกันดูว่า "การฝากไข่คืออะไร" พร้อมเข้าใจประโยชน์ของเทคโนโลยีทางการแพทย์นี้ ที่จะเข้ามาช่วยให้การวางแผนชีวิตครอบครัวสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม
การฝากไข่ (Oocyte Cryopreservation / Egg Freezing)
เมื่อคุณคือหนึ่งในคู่สมรสที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก จนต้องไปค้นหาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจและทำความรู้จักวิธีการรักษา จนไปเจอวิธี “การฝากไข่” (Oocyte Cryopreservation / Egg Freezing) หนึ่งในวิธียอดนิยมเพื่อการมีบุตร แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วการฝากไข่คืออะไร เรามีคำตอบมาบอกกัน
การฝากไข่คืออะไร ?
การฝากไข่ หรือการแช่แข็งเซลล์ไข่ คือวิธีการช่วยรักษาคุณภาพของเซลล์ไข่ในผู้หญิง เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้สำหรับวางแผนตั้งครรภ์ในอนาคตตามช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ โดยวิธีดังกล่าวจะเป็นการดูดเอาไข่คุณภาพดีของเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์ออกมาจากรังไข่ และนำไปแช่เอาไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -195 องศาเซลเซียส ก่อนนำมาปฏิสนธิกับอสุจิฝ่ายชาย เมื่อผู้ฝากไข่ต้องการตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่กำหนด
3 เหตุผลที่คุณผู้หญิงควรทำการฝากไข่
- รักษาคุณภาพเซลล์ไข่ เพราะคุณภาพและจำนวนไข่ของผู้หญิงจะลดลงตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 35 ปี สำหรับใครที่วางแผนมีบุตรในช่วงเวลาที่พร้อม การฝากไข่ก็จะช่วยเติมเต็มความต้องการได้มากกว่าวิธีการปฏิสนธิแบบธรรมชาติ
- ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งเสี่ยงมีบุตรยาก เพราะอัตราการมีบุตรในผู้หญิงมีแนวโน้มลดลงทุกปี และจะยิ่งมีโอกาสน้อยลงมากตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมีอยู่เพียงร้อยละ 50 เท่านั้น การฝากไข่ที่มีคุณภาพจึงช่วยให้มีโอกาสตั้งครรภ์มากยิ่งขึ้น
- ลดความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกมีความผิดปกติทางโครโมโซม ด้วยการรักษาคุณภาพเซลล์ไข่ และนำไปแช่แข็งด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -195 องศาเซลเซียส เพื่อให้สภาพไข่สมบูรณ์ที่สุดนั่นเอง
หลักการฝากไข่ ขั้นตอนมีอะไรบ้าง ?
การฝากไข่ หรือที่เรียกว่าการแช่แข็งไข่ (Egg Freezing) เป็นเทคนิคการช่วยให้ผู้หญิงสามารถเก็บรักษาไข่ที่สมบูรณ์ไว้เพื่อใช้สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในอนาคตได้ ตามหลักการเก็บไข่ทางการแพทย์ ซึ่งมีเงื่อนไข ดังนี้
- เก็บไข่ในช่วงที่มีคุณภาพดีที่สุด โดยทั่วไปคือช่วงอายุ 20-35 ปี
- ต้องดูแลตัวเองให้อยู่สภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ เพราะจะส่งผลต่อคุณภาพเซลล์ไข่
- ต้องพบแพทย์ เพื่อทำการติดตามผลหลังกระตุ้นรังไข่ และทำการฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก
- ทำการดูดเซลล์ไข่ ก่อนจะนำไปแช่แข็งด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อรักษาสภาพให้เหมือนเดิม
ขั้นตอนการฝากไข่
- ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เพื่อทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอัลตราซาวนด์รังไข่ เพื่อประเมินความเหมาะสม
- เตรียมร่างกายให้พร้อม ด้วยการให้ยาเพื่อกระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่จำนวนมาก
- ติดตามการเจริญเติบโตของไข่ แพทย์จะติดตามการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์และเจาะเลือดเพื่อตรวจฮอร์โมน
- เข้าสู่ขั้นตอนการเก็บไข่ เมื่อไข่เจริญเติบโตเต็มที่ แพทย์จะทำการเก็บไข่โดยวิธีการดูดไข่จากทางช่องคลอด
- นำเซลล์ไข่ไปแช่แข็ง ด้วยเทคนิคพิเศษผ่านเทคโนโลยีแช่งแข็งแบบผลึกแก้ว (Vitrification Method) เพื่อทำการเก็บรักษาในไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิ -195 องศาเซลเซียส
ประโยชน์จากการฝากไข่
เมื่อรู้จักการฝากไข่และขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ ในข้างต้นแล้ว สำหรับคุณผู้หญิงที่สนใจ อยากจะเก็บรักษาคุณภาพเซลล์ไข่เอาไว้ และอยากรู้ประโยชน์ที่มากกว่าในเชิงลึก เราได้ทำการรวบรวมและสรุปมาให้แล้ว
1. รักษาสภาพไข่ที่สมบูรณ์ต่อการมีบุตร
การฝากไข่ช่วยเก็บรักษาเซลล์ไข่ที่มีคุณภาพดีที่สุดไว้ก่อนที่อายุจะเพิ่มขึ้น แน่นอนว่านี่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคู่สมรสที่ยังสนุกกับการใช้ชีวิตในช่วงวัยที่ต้องทำงาน ทำกิจกรรมมากมาย ซึ่งการนำไปไข่ที่มีศักยภาพในการเจริญพันธุ์สูง ในช่วงวัยอายุ 20-35 ปีไปฝากเอาไว้ก่อน ก็จะทำให้สามารถเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิและตั้งครรภ์สำเร็จสูงกว่านั่นเอง
2. กำหนดเวลาการมีบุตรได้ตามต้องการ
ผู้หญิงที่ฝากไข่จะมีเวลาในการวางแผนชีวิต ประกอบอาชีพ หรือใช้เวลากับสิ่งที่สนใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อการมีบุตร เพียงเข้ารับการแช่แข็งเซลล์ไข่และฝากเอาไว้ก่อน เมื่อพร้อมแล้วก็สามารถนำไข่ที่ฝากไว้มาใช้ในการทำเด็กหลอดแก้วได้เลย
3. ลดปัญหาการมีบุตรยากจากสภาวะความเครียดและกดดัน
ปัจจุบันผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเผชิญภาวะเครียดจากงาน ความสัมพันธ์ หรือสภาพแวดล้อม ซึ่งส่งผลต่อฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ การฝากไข่เอาไว้จะช่วยลดความกังวลเรื่องการมีบุตร ทำให้ผู้หญิงมีอิสระในการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกดดันตัวเอง
4. ลดโอกาสเกิดความผิดปกติของโครโมโซมและการเป็นดาวน์ซินโดรม
โดยทั่วไปความเสี่ยงของการมีบุตรเป็นดาวน์ซินโดรมจะเพิ่มสูงขึ้นตามอายุผู้หญิง ดังนั้น การฝากไข่ในช่วงวัยที่ไข่มีคุณภาพดี จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกที่เกิดมาได้อย่างมั่นใจ
สำหรับคู่สมรสที่กำลังวางแผนครอบครัวในระยะยาว แต่ไม่รู้ว่าจะฝากไข่ที่ไหนดีถึงจะมั่นใจได้ว่าสามารถดูแลและรักษาคุณภาพไข่ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมของคุณ สามารถมาปรึกษาได้ที่ BDMS Wellness Clinic กับคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก ที่ดำเนินการวินิจฉัย ดูแล และทำหัตถการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาได้ที่เบอร์ 02-826-9999 หรือ LINE Official @bdmswellnessclinic