Wisdom Tooth Extraction
ผ่าฟันคุด (Wisdom Tooth Extraction)
ฟันคุด คืออะไร?
ฟันคุดนั้นคือฟันกรามซี่ในสุด เป็นฟันกรามแท้ชุดสุดท้ายที่จะออกมาตอนช่วงอายุระหว่าง18 ถึง 20 ปี ซึ่งในความเป็นจริงฟันกรามชุดนี้ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากฟันซี่อื่นๆเลย มีความสามารถในการบดเคี้ยวเท่าเทียมกับฟันกรามซี่อื่นๆ เพียงแต่น้อยคนนักที่มีฟันกรามขึ้นมาตามปกติพร้อมกับมีตำแหน่ง ลักษณะการขึ้นที่เหมาะสมและมีเหงือกโดยรอบที่มีสุขภาพดี
เมื่อไรก็ตามที่ฟันกรามซี่ในสุดมีอุปสรรคในการขึ้น อาจเนื่องจากลักษณะการงอกออกมา หรืออะไรก็ตาม จะเรียกว่าเป็นฟันคุด ซึ่งทันตแพทย์จะทำการเอกซเรย์ดูลักษณะและตำแหน่งการวางตัวของฟันและวิเคราะห์ถึงความผิดปกติ ก่อนทำการหาวิธีการแก้ไข
ทำไมต้องผ่าฟันคุด?
เนื่องจากฟันคุดเป็นสาเหตุที่สามารถก่อให้เกิดการอักเสบของเหงือก การติดเชื้อ โรคเหงือก การเป็นฝีในช่องปาก หรือ ส่งผลให้ฟันซี่ข้างเคียงสามารถผุได้ง่ายขึ้น เป็นต้น ดังนั้นทันตแพทย์โดยส่วนใหญ่จะแก้ปัญหานี้โดยการผ่าตัดเพื่อถอนฟันคุดออกไป
ในบางรายที่ถึงแม้ฟันกรามซี่ในสุดจะสามารถขึ้นมาได้อย่างปกติก็ตามทันตแพทย์ก็ยังอาจแนะนำให้ทำการถอนออกไป ถ้าเล็งเห็นว่าฟันซี่นั้นไม่มีประโยชน์ อาจมีผลกระทบต่อการบดเคี้ยวและฟันซี่ข้างเคียง หรือมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคเหงือกหรือการอักเสบบริเวณนั้นได้ เนื่องจากการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณด้านในสุดของช่องปากนั้นมีความยากลำบาก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ฟันกรามซี่หลังนั้นสามารถผุได้ง่าย รวมถึงการอักเสบของเหงือกอีกด้วย อย่างไรก็ตามทันตแพทย์จะพิจารณาอาการและปัญหาพร้อมวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปของผู้เข้ารับบริการแต่ละบุคคล
ฟันคุด ไม่ผ่าได้ไหม?
หลายคนคงสงสัยว่าถ้ามีฟันคุดแต่ไม่ได้มีอาการเจ็บปวดอะไร ไม่ผ่าได้ไหม คำตอบคือ แนะนำว่าให้ผ่าดีกว่า เพราะถ้าปล่อยฟันคุดให้เกหรือฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันตามมาอีกหลายอย่าง ต้องรักษาทันตกรรมอีกหลายอย่างทั้งที่หลีกเลี่ยงได้ ที่สำคัญการผ่าฟันคุดออกก่อนที่จะเจอกับอาการปวดฟันคุด หรือต้องทำการแก้ไขโรคที่เกิดจากฟันคุดเป็นทางเลือกที่เจ็บน้อยกว่า
ทันตแพทย์จะแนะนำให้ผ่าฟันคุดเมื่อคนไข้มีอาการดังต่อไปนี้
- มีผลกระทบต่อการสบฟัน
- ไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน
- การเกิดโรคเหงือก เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ ฟันคุดเกิดการอักเสบ จะทำให้เกิดอาการบวมและยากต่อการทำความสะอาดทำให้เกิดฟันผุอีกด้วย
- ฟันผุ อาการเหงือกบวมจากฟันคุดจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน และทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปเจริญเติบโต และก่อให้เกิดฟันผุตามมา อาจส่งผลลุกลามไปยังฟันซี่ข้างๆ ให้ผุตามไปด้วย
- เป็นสาเหตุให้การบูรณะฟันซี่ข้างเคียงทำได้อย่างยากลำบาก
- จัดฟัน หากฟันคุดซี่นั้นส่งผลกระทบต่อการจัดฟัน ทำให้ผลลัพธ์การจัดฟันไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
คนไข้แต่ละท่านจะมีลักษณะการขึ้นของฟันและอาการที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันแพทย์เกี่ยวกับความจำเป็นและวิธีการรักษาที่ดีและเหมาะสมที่สุด
อาการต่าง ๆ ที่เกิดจากฟันคุด
- คราบหินปูนและแบคทีเรียบนฟันและซอกเหงือก
- สามารถเกิดการผุได้ง่ายเนื่องจากเป็นอุปสรรคในการทำความสะอาด
- ฟันคุดอาจก่อให้เกิดถุงน้ำรอบๆ แล้วอาจทำให้บริเวณขากรรไกรนั้นถูกทำลายจนเป็นหลุมและทำลายเส้นประสาทที่บริเวณขากรรไกรได้
- อาจก่อให้เกิดอาการปวดบวม
- การอักเสบติดเชื้อ
- มีโอกาสทำให้เกิดถุงน้ำ เมื่อมีฟันคุดเนื้อเยื่อรอบอาจพัฒนาเป็นถุงน้ำหรือเนื้องงอกได้ และด้วยฟันคุดที่มักอยู่ติดกับขากรรไกร จึงดันเบียดกินกระดูกขากรรไกรไปเรื่อยๆ ในอนาคตจะส่ง ผลให้ใบหน้าผิดรูป มีโอกาสในการสูญเสียอวัยวะขากรรไกร และกระดูกขากรรไกรหักง่ายหากมีการกระทบ
อาการฟันคุด เป็นอย่างไร?
อาการต่างๆที่เกิดจากการที่ฟันคุดเริ่มงอกออกจากเหงือกมีดังนี้
- อาการปวดบริเวณเหงือก
- เกิดการอักเสบติดเชื้อ
- อาการบวมที่แก้มและใบหน้า
- อาการเหงือกบวม
หากท่านเป็นคนที่เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คทุก 6 เดือน – 1 ปีอยู่แล้ว ในช่วงอายุประมาณ 17-20 ปีทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ทำการตรวจเอกซเรย์ เช็คดูว่าฟันซี่สุดท้ายมีลักษณะอย่างไรบ้าง มีฟันคุดซ้อนตัวอยู่หรือไม่ อยู่ในตำแหน่งใด และหากตรวจพบทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ผ่าฟันคุดออกเสียตั้งแต่ยังไม่มีอาการเจ็บปวด เพราะถ้าปล่อยให้ฟันคุดต่อไปนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้ว ยังจะมีผลเสียต่อสุขภาพของช่องปากอีกด้วย การเข้ารับผ่าตัดตั้งแต่ระยะแรกนั้นช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
ขั้นตอนการถอนฟันคุด หรือผ่าฟันคุด
- ทันตแพทย์จะทำการตรวจในช่องปากและพิจารณาถึงความจำเป็นในการถอนฟัน
- ในบางกรณีการถ่ายเอกซเรย์อาจมีความจำเป็นเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาซึ่งสามารถบอกสภาพฟัน รากฟันและกระดูกรองรับฟันได้
- ทันตแพทย์จะตรวจสอบประวัติด้านสุขภาพของคนไข้ ซึ่งผู้ป่วยควรให้ข้อมูลด้านสุขภาพของตนที่ถูกต้องและครบถ้วน โดยเฉพาะปัญหาที่เคยเกิดขึ้นเมื่อได้รับการถอนฟัน ปัญหาการหยุดไหลของเลือด ปัญหาสุขภาพเช่นโรคตับ และโรคเบาหวาน และการแพ้อาหารและยาประเภทต่างๆ เป็นต้น
- ฉีดยาชาเฉพาะที่เข้าไปยังจุดใกล้เคียงบริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งก่อนฉีดนั้นแพทย์ก็จะทำให้บริเวณเหงือกที่จะทำการฉีดยานั้นเกิดความรู้สึกชา โดยการใช้ยาชาเฉพาะจุดจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บบริเวณที่ผ่าตัดการผ่าตัดเปิดเหงือก
- เมื่อคนไข้รู้สึกชาเต็มที่แล้ว ทันตแพทย์จะเริ่มลงมือทำการผ่าตัดด้วยการใช้มีดกรีดที่เนื้อเยื่อเหงือกเพื่อเปิดให้เห็นกระดูกและฟันคุด และแบ่งฟันคุดออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการนำออกมา ก่อนจะค่อยๆคีบเศษฟันออกจากบริเวณแผล
- นำเศษฟันหรือกระดูกที่ตกค้างอยู่ออกจนหมด และล้างทำความสะอาดบริเวณแผล แล้วจึงเย็บปิดแผล
- ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำและข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลรักษาหลังผ่าฟันคุด
- ทันตแพทย์จะนัดมาเช็คแผลและตัดไหม หลังจากผ่าตัดประมาณ 7-14 วัน
หลังการถอนฟันหรือผ่าฟันคุด คนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันที เลือดจะหยุดไหลภายในเวลาสั้นๆ และแผลจะสามารถสมานตัวได้เอง แต่การดูแลรักษาความสะอาดยังคงมีความสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบติดเชื้อบริเวณแผลได้ และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากๆ
หลังผ่าฟันคุด คนไข้อาจมีอาการบวมภายในช่องปากและแก้ม อาการบวมนี้จะค่อนข้างรุนแรงในช่วงวันแรกๆหลังจากผ่าตัด จากนั้นจะค่อยๆดีขึ้น ซึ่งสามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมได้
คำแนะนำหลังผ่าฟันคุด
- ประคบเย็นประมาณ 30 นาทีทันทีหลังการผ่าตัดเพื่อลดอาการบวม
- ควรกัดผ้าก๊อซแน่นๆประมาณ 30 นาที เพื่อห้ามเลือด และควรเปลี่ยนผ้าชิ้นใหม่หลังจากนั้นจนกว่าเลือดจะหยุดไหล
- ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากภายใน 6 ชั่วโมงหลังการถอนฟัน
- ในกรณีที่มีเลือดออกเล็กน้อย ควรทำการอมน้ำเกลือเย็น ๆ ไว้สักครู่
- ไม่ควรบ้วนน้ำภายใน 12 ชั่วโมงหลังการถอน
- สามารถบ้วนปากได้ด้วยน้ำเกลือ ( เกลือ 1 ช้อนชา + น้ำอุ่น 1 แก้ว) 12 ชั่วโมงหลังการถอนฟัน
- สามารถแปรงฟันได้ตามปกติแต่ควรให้ความระมัดระวังบริเวณแผล
- ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ เย็น ๆ และรสไม่จัดในช่วง 2 – 3 วันแรก
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- อาการปวดสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวดที่สั่งโดยทันตแพทย์
ในระหว่างการพักฟื้นและรักษาตัว ช่วงวันแรก ๆ หลังจากการผ่าฟันคุดจะไม่สามารถรับประทานอาหารตามปกติได้ แต่ก็ไม่ควรอดอาหาร และควรรับประทานอาหารให้ครบถ้วน เพราะจะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น โดยใน 1-2 วันแรกควรรับประทานอาหารอ่อนๆ หรือ อาหารเหลว และควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร้อนหรือรสจัด เมื่อแผลเริ่มสมานตัวแล้วจึงเริ่มสามารถรับประทานอาหารตามปกติได้แต่ก็ควรเคี้ยวช้าๆ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนบริเวณแผล ซึ่งการกลับมารับประทานอาหารได้ตามปกติ จะเร็วหรือช้าก็จะขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองว่ารู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ราคาแพ็กเกจ หรือทำการนัดหมายได้ที่
โทร: 028269999
Line: @bdmswellnessclinic หรือ https://bdmswellness.co/3AhvsEV